Rundeck Automation

Rundeck คืออะไร

นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ระบบอัตโนมัติ (Automation) ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจแบบใดก็ตาม มีการนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) และ Machine Learning (ML) มาใช้ ตลอดจน ระบบ Robotic Process Automation (RPA) และ ระบบ Predictive Analysis สำหรับการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์เพื่อทำงานที่ซับซ้อนโดยอัตโนมัติ เข้ามาใช้งานมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การนำระบบ Automation ต่างๆเข้ามาใช้งานเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายและซับซ้อน องค์กรจะต้องทำการวิเคราะห์ระบบที่เกี่ยวข้องกัน รวมไปถึงการปรับเปลี่ยน Architecture, เครื่องมือต่างๆที่มีและระบบที่เกี่ยวข้องที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เป็นระบบ IT ที่ซับซ้อนเพื่อให้มั่นใจว่าระบบ Automation สามารถทำงานได้ตามที่ต้องการ สิ่งเหล่านี้ ทำให้การทำระบบ Automation เป็นสิ่งที่ซับซ้อน ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายที่สูงตามมา

Rundeck by PagerDuty (หรือเรียกสั้นๆว่า Rundeck) คือระบบ Automation ที่ช่วยให้คุณสามารถทำการสร้าง (Build), ใช้งาน (Deploy) และบริหารจัดการ (Manage) ระบบงาน Automation ต่างๆ โดยอัตโนมัติ โดยมีระบบ Runbook Automation สำหรับการทำงานกระบวนการซ้ำๆ ต่างๆ โดยมีรูปแบบการทำงานผ่าน Web Console, CLI Command และ Web API ทำให้สามารถเชื่อมการทำงาน Automation ระหว่างเครื่องหรือระบบที่หลากหลายในรูปแบบ Workflow ได้โดยง่าย

How Rundeck by PagerDuty Works

หัวใจสำคัญของ Rundeck คือ Runbook Automation เป็นระบบส่วนกลางสำหรับจัดการระบบอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างระบบ Automation ที่สามารถทำงานและใช้ประโยชน์จากระบบเดิมที่มีอยู่โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงหรือลงทุนเพิ่มเติม โดยระบบสามารถบริหารจัดการได้ตั้งแต่ Cloud ไปจนถึง Micro Service และลึกไปจนถึงสคริปต์ (Script) ที่มีการใช้งาน รวมไปถึงการพร้อมสำหรับการใช้งานร่วมกับระบบ DevSecOps Tools ที่องค์กรมีอยู่แล้วได้

Rundeck: Self-Service Automation

Rundeck มีความสามารถในการทำ Self-service Automation สำหรับการทำงานด้าน Operation ต่างๆ ที่แต่เดิมมีการทำงานที่ซับซ้อนให้สามารถทำงานได้โดยง่าย ซึ่งมีความสำคัญสำหรับองค์กรในปัจจุบัน เนื่องจาก:

Rundeck Operations as a Service
  • การทำงานด้าน Operation มักจะเป็นการดำเนินการที่ซับซ้อนมากกว่าการทำงานเพียงขั้นตอนเดียวหรือคนเพียงคนเดียว – คุณมักจะพบกับจัดการกับขั้นตอนของงานที่หลายขั้นตอน ที่มีความซับซ้อน ที่ต้องทำงานบนหลายๆระบบที่ประกอบไปด้วยหลายๆ คำสั่งหรือหลายๆระบบหรือหลายๆหน้าจอ และมีความเกี่ยวข้องกับคนหลายกลุ่มคน ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการและต้องใช้ความรู้ที่หลากหลาย
  • การถ่ายทอดความรู้ทำได้ยาก ใช้เวลาและมีราคาแพง – การจะถ่ายทอดความรู้ของการทำงานให้กับพนักงานคนอื่น เพื่อให้พนักงานผู้นั้นสามารถทำงานที่ซับซ้อนได้ คุณต้องถ่ายทอดขั้นตอนการทำงาน วิธีการดำเนินการ และวิธีการตรวจสอบผลลัพธ์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้ง่าย
  • ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วกว่าที่เคยมา – ภายใต้ Digital Transformation, DevOps และ Cloud การเปลี่ยนแปลงและความซับซ้อนจะมีมากขึ้นหลายเท่าตัวและจะเพิ่มไปตลอดเวลาของการทำงาน ดังนั้น โดยทั่วไประบบ Operation จะต้องทำการปรับตามทั้งในส่วนของ People, Product, Process ซึ่ง Runbook สามารถช่วยให้ระบบ Operation ปรับเปลี่ยนตามการเปลี่ยนแปลง สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

Operations as a Service

Runbook Automation สามารถช่วยตอบโจทย์เหล่านี้ได้ด้วยการทำให้เกิดรูปแบบของ Operations as a Service ให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานหรือสั่งงานที่ซับซ้อนด้วย Self-service Automation ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด เช่น การสั่ง Restart ระบบระหว่างที่ระบบมีปัญหา หรือการ Update Patch ที่ซับซ้อน หรือการ Provision ระบบหรือเพิ่มทรัพยากรณ์ระบบ หรือการตรวจสอบระบบต่างๆ เป็นต้น

Runbook Automation จะช่วยให้องค์กรสามารถถ่ายโอนกระบวนการทำงาน ความรู้ ความเชี่ยวชาญทางด้านต่างๆของคนเข้าสู่ระบบ Automation ที่สามารถทำได้โดยอัตโนมัติได้โดยง่าย และทุกๆ คนในองค์กรสามารถสั่งการทำงานที่ซับซ้อนได้ทันที ทำให้ระบบ Self-service สามารถเกิดขึ้นได้โดยง่ายและพร้อมให้เรียกใช้สำหรับงานที่เคยต้องร้องขอมายังทีม Operation ดำเนินการ ก็สามารถดำเนินการได้ด้วยความรวดเร็วและถูกต้อง

นอกจาก Operations as a Service สามารถทำให้งานที่ต้องใช้คนทำกลายเป็นงานที่ดำเนินการโดยอัตโนมัติแล้ว ในขณะเดียวกันการความคุมทางด้านความปลอดภัยก็ยังสามารถทำได้อย่างเต็มที่ ทั้งในส่วนของการตรวจสอบและการบริหารจัดการ

Operations as a Service

Rundeck – Runbook Automation ลดการลงทุนด้วยการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่เดิม

หน้าที่ของ Runbook Automation ไม่ได้เข้ามาทดแทน Tools, Scripts, API Calls หรือ Command Line ที่คุณใช้งานอยู่ แต่หน้าที่ของ Runbook Automation คือช่วยทำให้กระบวนการทำงานเดิมๆ กลายเป็นขั้นเป็นตอนการทำงานโดยอัตโนมัติ โดยใช้สิ่งที่คุณมีอยู่แล้วได้ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมระหว่าง คน-ไปยัง-เครื่องมือ (Human-to-tool) สำหรับการทำงานต่างๆ

ความสามารถที่สำคัญของ Rundeck – Runbook Automation

การที่เป็นศูนย์กลางของระบบต่างๆ Runbook Automation จะเป็นส่วนที่ใช้ในการเชื่อมต่อรูปแบบการทำงานโดยเชื่อมระหว่างคนและเครื่องมือ ไปยังระบบต่างๆ ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องมีความสามารถที่สำคัญในการเชื่อมต่อกับระบบที่องค์กรต่างๆใช้อยู่

Runbook Automation - Central of Automation Platform
  • เป็นจุดเชื่อมต่อสำหรับระบบ Automation — เป็นจุดเชื่อมต่อที่สามารถเชื่อมต่อระบบใดๆ สคริปต์ใด ๆ เครื่องมือหรือ API เข้าสู่เวิร์กโฟลว์ โดยสามารถใช้งานได้กับภาษาสคริปต์ใด ๆ หรือเครื่องมือต่างๆ และช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากของภายในองค์กรที่มีอยู่ของคุณ ซึ่งจะช่วยลดการลงทุนและสามารถใช้งานทักษะที่มีอยู่แล้วได้อย่างดี เช่น หากมีทีมใดทีมหนึ่งใช้งาน Ansible สามารถใส่ Runbook เข้ามาใน Playbook ได้เลย หรือ หากทีมอื่นใช้งานเป็น PowerShell ทั้งหมด สามารถวางสคริปต์เหล่านั้นลงไปใน Runbook ได้ทันที ระบบ Runbook Automation จะให้คุณสามารถใช้งานสิ่งที่คุณมีอยู่แล้ว รวมถึงพวก Command Line ซึ่งสามารถใส่เข้ามาใน Runbook ได้โดยง่าย เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเริ่ม Workflow ได้ทันที
    • นอกจากนั้น ระบบยังมี Pre-built Integration ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Tools และ Technology ต่างที่องค์กรมีเพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกันโดยไม่จำเป็นจะต้องลงทุนปรับเปลี่ยนระบบเดิมเพิ่มเติมในการทำระบบ Automation
  • ใช้งานได้ง่ายและปลอดภัย — ให้ผู้ใช้เข้าถึงระบบได้โดยง่ายอย่างปลอดภัยและควบคุมได้ ความสามารถนี้แบ่งออกเป็นสองส่วน คือ การควบคุมการเข้าถึงและการใช้งาน
    • คุณสมบัติการควบคุมการเข้าถึงสามารถจำกัดสิ่งที่ผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้ทำและจัดให้มีการตรวจสอบและรายงานที่ชัดเจน
    • ในด้านการใช้งานจะเน้นที่การใช้งานที่ง่าย มีระบบช่วยแนะนำผู้ใช้และลดความจำเป็นของการฝึกอบรมเพื่อให้คุณสามารถเริ่มใช้งาน Runbook Automation ได้เร็วขึ้น ตัวอย่างคุณสมบัติการใช้งาน ได้แก่ ตัวเลือกการใช้งานที่ปรับเปลี่ยนได้, การตรวจสอบการใส่ข้อมูลของผู้ใช้, การจัดรูปแบบ/การประมวลผลในส่วนของผลลัพธ์ การจัดการข้อผิดพลาด และการแจ้งเตือนตามเงื่อนไขที่กำหนดเป็นต้น
  • Dynamic Infrastructure Map – ระบบ Infrastructure และซอฟต์แวร์ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะทำอะไรคุณต้องรู้ถึงสถานที่และสถานะของสิ่งที่คุณต้องทำ ระบบ Dynamic Infrastructure Map จะช่วยติดตามรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงโดยประสานข้อมูลกับระบบอื่นๆที่มีข้อมูล เช่น CMDB, ระบบ Configuration Management, Cloud/VM Manager, Monitoring Tools และอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ระบบการทำงานอัตโนมัติของคุณมีการ Update ตลอดเวลาและไม่เกิดความผิดพลาด

Rundeck มีกี่ประเภท ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

ในปัจจุบัน Rundeck เป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้ Pagerduty Inc. และมีการเปลี่ยนชื่อสำหรับ Commercial Product จาก Rundeck เป็น PagerDuty ในปัจจุบันประกอบไปด้วย 2 กลุ่มและ 3 ผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้

  • Commercial Edition
    • PagerDuty Process Automation On Prem
      • ชื่อเดิมคือ Rundeck Enterprise เป็นระบบสำหรับทำงานแบบ On Premise คือ จะสามารถทำการติดตั้ง Server ไว้บน Datacenter ขององค์กร ซึ่งจะมีความสามารถในการทำ High Availability และความสามารถที่เพิ่มเติมจาก Community Edition เพิ่มเติม
    • PagerDuty Runbook Automation
      • เป็นระบบ SaaS-Based ที่จะอยู่บน Cloud Service ช่วยให้สามารถใช้งานระบบ Automation ได้ทันที และสามารถเชื่อมต่อทำ Automation แบบ Cloud-to-Cloud ได้อย่างง่ายดาย
  • Community Edition
    • Rundeck Community Edition
      • เป็นระบบที่ติดตั้งบน On Premise และไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถติดตั้งได้ฟรี แต่จะขาดความสามารถทางด้าน Enterprise เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน Runbook Automation

ความคุ้มค่าการลงทุน (ROI) ของระบบ Rundeck

การคำนวณ ROI ของระบบจะขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ใช้ร่วมกับ Runbook Automation โดยทั่วไปจะมีงานอยู่ 2 ประเภทที่เกี่ยวข้องและนิยมใช้งานคือ การแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ (Incident Response) และการจัดการคำขอใช้บริการ (Service Request)

Rundeck - Before and After

การแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ (Incident Response)

  • แก้ปัญหาได้รวดเร็ว – ด้วยการตอบสนองต่อปัญหาที่รวดเร็วขึ้นและช่วยให้ทีมงานต่างๆสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเองและแก้ไขปัญหาได้ในทันที ทำให้ความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นลดลง
  • ลดการส่งต่อปัญหา (Escalation) –การใช้งาน Runbook Automation ร่วมกับระบบ Incident Management หรือระบบ Helpdesk ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเองและลดการพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านและที่สำคัญลดระยะเวลาของปัญหาลงไปได้
  • ลดชั่วโมงการทำงานแก้ไขปัญหา – เมื่อเวลาในการแก้ไขปัญหาและการส่งต่อปัญหาลดลง เจ้าหน้าที่จะสามารถใช้เวลาที่เหลือไปทำงานในส่วนอื่นทีมีประโยชน์กับองค์กรได้มากขึ้น ทำงาน productivity ขององค์กรดีขึ้นในภาพรวม

การจัดการคำขอใช้บริการ (Service Request)

  • เวลาการรอลดลง – ระบบ Runbook Automation สามารถทำงานของการร้องขอได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ลดการพึ่งพาแรงงานและทำให้เกิดความพึ่งพอใจในการให้บริการกับผู้ใช้งาน
  • การหยุดชะงักของงานน้อยลง – Runbook Automation สามารถลดการพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะกับงานที่มีการทำงานซ้ำๆลงได้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้การทำงานและการตอบสนองต่อการร้องขอต่างๆเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็วและเป็นอัตโนมัติ ทำให้ธุรกิจขององค์กรลื่นไหลไม่มีการสะดุดรอ

ทำไมคุณควรใช้ Rundeck และมีประโยชน์อย่างไร?

  1. ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่เดิม

องค์กรสามารถใช้งานระบบ Automation ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ เนื่องจาก Rundeck สามารถนำไปใช้กับสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องมือ สคริปต์ การเรียก API หรือ Command line ที่มีอยู่ขององค์กร ดังนั้นจึงช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายสำหรับธุรกิจได้มาก เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือแก้ไขระบบเพียงเพื่อใช้งานระบบอัตโนมัติ

  1. วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น

ด้วยความสามารถมากมายและมี API จาก Rundeck ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการขั้นตอนการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วปลอดภัย Rundeck สามารถช่วยลดการเข้ามาแทรกแซงของคนหรือไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คนในการทำงานได้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก Rundeck มีความสามารถในการเข้ามาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง ซึ่งงานเหล่านี้ เดิมจะต้องใช้คนในการเข้ามาแก้ไขและดำเนินการก็ไม่มีความจำเป็นต่อไป

  1. เพิ่มความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน

เมื่อระบบ Rundeck สามารถลดการการเข้าถึงระบบต่างๆ ของคนและให้ระบบ Automation ทำงานแทน จะช่วยลดความเสี่ยงของความปลอดภัยโดยรวมจากการที่จะต้องกำหนดสิทธิเข้าถึงระบบต่างๆให้กับผู้ใช้งานจำนวนมาก และลดงานทางด้านความปลอดภัยพร้อมทั้งลดสิทธิที่ไม่จำเป็นออกจากผู้ใช้งานต่างๆได้

นอกจากนั้น ระบบ Rundeck ยังสามารถกำหนดสิทธิและกำหนดการเข้าถึงระบบต่างๆ ได้อย่างดี การเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการเข้าสู่หน้า Admin Portal จะถูกรายงานทันทีไปยังผู้มีอำนาจตัดสินใจซึ่งสามารถระบุตัวผู้กระทำความผิดได้อย่างง่ายดาย

  1. ลดความผิดพลาดและเพิ่มความรวดเร็วในการปฏิบัติงาน

ความต้องการหลักของระบบ Automation คือสามารถเพิ่มความรวดเร็วในการปฏิบัติงานและลดความผิดพลาดของคนให้ได้มากที่สุด ซึ่ง Rundeck สามารถช่วยให้องค์กรสามารถทำในสิ่งนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้ด้วยตัวเองซึ่งจะเพิ่มความรวดเร็วและลดเวลาในการรอคอยหรือต้องมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมากได้เป็นอย่างดี

AskMe with Rundeck

AskMe เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์ Automation โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์และผ่านการอบรมจาก Rundeck โดยตรง เรามีทีมงานให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ประเทศไทย ที่สามารถช่วยลูกค้าในการติดตั้งและพัฒนา Rundeck และ PagerDuty ได้

ติดต่อเราได้ที่

กรุงเทพฯ: โทร 02-245-1335-7
เชียงใหม่: โทร 053-858-186
Email: sales@askme.th
Line : @askme.co.th